ไอเดียเขียนเรซูเม่สำหรับนักศึกษาจบใหม่และผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ทำงาน




แม้จะไม่มีประสบการณ์ทำงานและเป็นน.ศ.จบใหม่ ก็สามารถเขียน resume ได้ค่ะ โดยนำประสบการณ์จากทุกกิจกรรม และจากทุกชั้นปีที่เรียน มาเขียนในเรซูเม่ โดยใช้สูตรนี้พิจารณาค่ะ

หน้าที่ที่รับผิดชอบ + ทำบ่อยๆ = ทำให้เกิดทักษะ
อธิบายหน้าที่ที่รับผิดชอบ + เรียบเรียงประโยคให้สวยงาม = เป็นหัวข้อประสบการณ์
  
       
เราได้รับหน้าที่อะไร ในกิจกรรมใดก็ตาม หน้าที่และความรับผิดชอบที่ทำนั้น คือ ประสบการณ์

ส่วนการทำงานที่ทำอยู่เป็นประจำ บ่อย ๆ ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญขึ้น ก็คือทักษะที่มีอยู่ในตัวนั่นเอง 

เพียงแค่นี้ เราก็มีทั้งประสบการณ์ และทักษะที่จะเขียนในเรซูเม่แล้วค่ะ


ยกตัวอย่างง่ายๆ
ในงานประจำปีของมหาวิทยาลัย เรามีหน้าที่ขายตั๋วเข้าชมงาน
ประสบการณ์ของเราก็คือ
  • อธิบายรายละเอียด กำหนดการ รวมถึงไฮไลท์ของงานเพื่อสร้างความน่าประทับใจแก่ผู้ซื้อ
  • ตอบคำถามและสร้างความเข้าใจกับผู้ซื้อได้โดยละเอียด หากผู้ซื้อมีข้อสงสัย
  • สามารถขายตั๋ว 120 ใบ ภายใน 3 วัน เพื่อให้มีรายได้สนับสนุนการจัดงาน
As one of the marketing team in the university annual event
  • Provided relevant information in detail including schedule and all features of the event to visitors
  • Answered all respective questions, clarified all matters
  • Managed to sell 120 tickets in 3 days, earning income to support the event           



ทักษะของเราก็คือ
  • ทักษะการขาย
    • สร้างความประทับใจและความเข้าใจอันดีในตัวสินค้าแก่ผู้ซื้อ
  • ทักษะการพูดชักจูง
    • ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ผู้ซื้อจะได้รับและโน้มน้าวให้ตัดสินใจเพื่อปิดการขาย
  • ทักษะการสื่อสาร
    • สื่อสารด้วยวาจาที่สุภาพ ชัดเจน และมีไมตรีจิต

    Sales Skills
    • Making good impression and well explained all products to clients
    Persuasion Skills
    • Persuaded clients by pointing out the advantages of products to close sales
    Communication Skills
    • Responded with politeness and good etiquette to everyone




    ลองหาไอเดียจากประสบการณ์ตามลิสต์ด้านล่างดูค่ะ

      1. การฝึกงาน
    เป็นประสบการณ์ทำงานโดยตรงที่เกิดจากการฝึกงาน ซึ่งจะนำไปเขียนเรซูเม่ได้ โดยดูว่า เราได้รับมอบหมายหน้าที่อะไร ใช้ทักษะอะไร ทำแล้วเกิดผลลัพธ์อะไรแก่บริษัทที่ไปฝึกงาน


      2. อาสาสมัคร
    อาจเป็นการออกค่ายอาสา สอนหนังสือน้อง อ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง ค่ายปลูกป่า งานบำเพ็ญประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย


      3. กิจกรรมที่ทำในมหาวิทยาลัย จากการเป็นสมาชิกชมรม หรือไม่เป็นก็ตาม
    หากมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์อย่างนึงแล้วค่ะ เช่น มีส่วนร่วมในการประสานงาน งานการเงิน ขอสปอนเซอร์ ออกแบบสื่อต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์ ทำสื่อต่าง ๆ ใน social media หรือ ใบปลิว บิลบอร์ด และอื่น ๆ จัดตารางงาน ขายตั๋ว แม้แต่ร่วมเตะฟุตบอลในทีมมหาลัยก็ถือเป็นประสบการณ์ค่ะ (ทักษะการทำงานเป็นทีม, ทักษะการวางแผนเพื่อเป้าหมาย เป็นต้น)


      4. หากไม่ร่วมกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ให้พิจารณางานที่ทำในห้องเรียนที่มากกว่าการนั่งฟังเลคเชอร์ทั่ว ๆ ไป เช่น
    • การทำ research ทำรายงานในวิชาต่าง ๆ: เราอาจเป็นหัวหน้ากลุ่มทำงานวิจัย หรือเราเป็นหนึ่งในสมาชิกในกลุ่มที่หาข้อมูลเพื่อทำงานวิจัย สำรวจและเก็บข้อมูล เป็นต้น
    • การทำงานในห้องแล็บ: เราเป็นผู้ควบคุมดูแลให้งานในห้องแล็บเป็นไปโดยสมบูรณ์ หรือเป็นผู้ที่พรีเซนต์ผลงานหรือรายงานในห้องเรียนเสมอๆ     หรือเป็นฝ่ายปฏิบัติการ จดค่า ทำรายงาน หรือฝ่ายหาวัสดุ ดูแลเครื่องมือที่ใช้ทดลอง รวมถึงเซ็ตเครื่อง เป็นต้น 
    • วิชาช่างสำรวจ: ทำรังวัด แผนที่ survey เป็นต้น

      5. งานประกวดแข่งขันเดี่ยวหรือกลุ่ม/ งานภาคปฏิบัติ/ Project ต่าง ๆ
    อาจเป็นงานเดี่ยวหรือกลุ่มที่ได้เคยทำมา อาจเคยได้รับหน้าที่เดิมทุกครั้งที่มีการจับกลุ่ม ทำให้มีความชำนาญในเรื่องนั้นๆมากขึ้น อาจเป็นในห้องเรียน หรือนอกห้องเรียน ได้รางวัลหรือไม่ก็ตาม ลองพิจารณาดูว่าเรารับผิดชอบในส่วนไหน ใช้ทักษะอะไร เช่น 
    • ประกวดดีไซน์ชุดแฟชั่น: เรามักจะเป็นคนเขียนแพทเทิร์นเสมอๆ หรือออกไอเดียตลอดเวลา หรือเรามีส่วนร่วมในการวางแผนหรือจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็น เป็นต้น

      6. งานที่เป็นกิจการของครอบครัว ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่
    หากเรามีคุณสมบัติข้อนี้ เราเป็นคนที่โชคดีคนนึง เพราะได้รับการปลูกฝังทักษะมาโดยไม่รู้ตัว และความชำนาญนั้นก็อยู่ในตัวเราค่ะ หลายคนอาจรู้สึกว่ามันน่าเบื่อที่ต้องทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กันทุกวัน แต่นั่นคือทักษะ ที่ใช้เขียนลงในเรซูเม่เพื่อเป็นใบผ่านทางไปยังงานในฝันของเราได้ค่ะ

    เรามาดูกันว่า กิจการเล็กๆ ของครอบครัว จะเขียนเรซูเม่ได้อย่างไร
    เมื่อใดที่การซื้อขายเกิดขึ้น เรามีทักษะการขายค่ะ
    ทักษะการบริหารจัดการ ในการจัดหาวัตถุดิบ เตรียมสินค้า
    ทักษะการตลาด ในการทำให้ผู้ซื้อรู้จักสินค้าของเรามากที่สุด ไม่ว่าจะผ่านสื่อใดก็ตาม


      7. งานพาร์ทไทม์ (part-time) ที่เคยทำมา
    มาในรูปแบบของงาน จึงง่ายต่อการสังเกตทักษะและประสบการณ์ที่มี อาจเป็นงานระยะสั้น แต่ถ้าฝึกฝนจนเป็นทักษะ นั่นก็ถือเป็นความสามารถที่นำไปเขียนเรซูเม่ได้ค่ะ
    เช่น         
    พนักงานเสิร์ฟ : ทักษะการสื่อสาร การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
    พนักงานด้านเอกสารทักษะความละเอียด การพิมพ์ การร่างจดหมาย การใช้ Microsoft Office เป็นต้น



    ถึงจุดนี้ คงพอจะรู้บ้างแล้วว่าเรามีประสบการณ์อะไรมาบ้าง                                
    หลังจากนั้น นำข้อมูลมาเรียบเรียงเป็นประโยคให้สวยงาม และชัดเจน อาจเลือกเขียนเฉพาะประสบการณ์ในเรซูเม่ โดยไม่เขียนทักษะก็ได้ และควรเลือกเฉพาะประสบการณ์ที่เกี่ยวกับตำแหน่งงานที่สมัครค่ะ



    แต่หากพบว่า เราไม่มีประสบการณ์ในกิจกรรมใดมาเลย ไม่เป็นไรค่ะ คลิกอ่านแผนสำรองกันค่ะ วิธีสร้างประสบการณ์ให้ตัวเอง





        บทความที่เกี่ยวข้อง

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น

    About me

    รูปภาพของฉัน
    Blog นี้เพื่อสังคมและยกระดับ​ชีวิต​คนไทย​ใน​ระยะยาว | resume มีวิธีเขียนหลายแบบ ไม่มีแบบที่ดีที่สุด แต่เรซูเม่ที่บอกได้ว่าเราเหมาะกับงานที่สมัคร จะเป็นเรซูเม่ที่ทำให้ได้งานค่ะ | ขอให้​ทุก​คนได้ทำงาน​ที่​รักและมีความสุข​กับงานนะคะ

    มีต.ย.คละอยู่ในหลายโพสต์ ลองเสิร์ชได้น้า เช่น logistic จบใหม่ บัญชี service account communication HR

    บทความที่ได้รับความนิยม

    จำนวนการดูหน้าเว็บรวม